ตำนานแห่งหยาดน้ำค้าง - ตำนานแห่งหยาดน้ำค้าง นิยาย ตำนานแห่งหยาดน้ำค้าง : Dek-D.com - Writer

    ตำนานแห่งหยาดน้ำค้าง

    เป็นมุมมองใหม่ๆที่อยากนำเสนอดูบ้างเกี่ยวกับน้ำค้างน่ะค่ะ เป็นแนวว่ามันเกิดน้ำค้างได้อย่างไรเสียมากกว่า อิอิ

    ผู้เข้าชมรวม

    692

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    692

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ต.ค. 51 / 23:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    ...หนึ่งหยดน้ำพราวพร่างแสงจันทร์ส่อง
    ด้วยใฝ่ปองความรักถวิลหา
    แสงจันทร์ทองทอดมองหลั่งน้ำตา
    ให้ตะวันที่ลับฟ้าอยู่แสนไกล...






    ANATANI AITAKUTE -Missing You- - Seiko Matsuda
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ในโลกใบนี้มีเรื่องเล่าและตำนานต่างๆมากมายเหลือเกิน บางคนอาจเพียงได้ยินได้ฟังแล้วปล่อยให้ผ่านเลยไป แต่สำหรับบางคนแล้วตำนานเหล่านั้นฝังลึกในความทรงจำจนยากจะลบเลือน และหนึ่งในตำนานที่ฉันไม่เคยจะลบไปจากใจก็คงจะเป็นตำนานแห่งหยาดน้ำค้างที่ใครๆต่างมองว่าไร้ค่านี่กระมัง

                      เมื่อกาลเวลาที่หมุนผ่านนี้ย้อนกลับไปเมื่อหลายล้านปีก่อน ในครานั้นเวลาแห่งโลกใบนี้เริ่มต้นขึ้น องค์มหาเทพได้มีบัญชาให้สองเทพผู้ยิ่งใหญ่ทำหน้าที่นำพาราตรีและทิวามาสู่โลก

      เทพแห่งดวงตะวันฉายแสงร้อนแรง นำพาความอบอุ่นมาสู่ทุกชีวิต พระองค์เป็นผู้นำแห่งการสร้างสรรค์สรรพสิ่งต่างๆมากมาย ในขณะที่เทพนารีแห่งจันทรานำพาแสงนวลอันอ่อนโยนและมอบความหวังมาสู่ทุกสรรพชีวิต แม้ทุกๆวันผันผ่านไป บนฟากฟ้าก็ยังคงมีหนึ่งเทพบุตรและหนึ่งเทพนารีเฝ้ามองลงมาบนผืนดินเสมอ แต่แล้ววันหนึ่งสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อบนฟากฟ้าไม่มีแม้แต่เงาแห่งจันทราอีกแล้วเพราะองค์มหาเทพหมายปองในตัวนางและหวังจะครอบครองทั้งกายและใจจึงได้ฉุดคร่าตัวนางไปโดยไม่สนใจในหัวใจของนางแม้แต่น้อย

                  ปล่อยข้ากลับไปทำหน้าที่ตามเดิมเถิดองค์เทวีขอร้อง เพราะนางรู้ว่าในไม่ช้านี้ภัยพิบัติจะต้องเกิดแก่สรรพชีวิตทั้งปวงบนโลกมนุษย์

                      ไม่มีทางหรอก เจ้าจะต้องอยู่กับข้าที่นี่ หากเจ้าเชื่อฟังข้า ข้าจะมอบความสุขให้แก่เจ้าชั่วนิรันดร์องค์มหาเทพลั่นวาจาเพื่อโน้มน้าวใจเทพนารีผู้งดงาม

                      ข้าไม่เข้าใจเลย ท่านทำเช่นนี้เพราะเหตุใด ทั้งที่ข้าเองไม่เคยต้องการสุขใดจากท่านดวงจันทร์เอ่ยอย่างท้อใจเมื่อเห็นว่าคงไม่มีทางใดต้านประสงค์ของผู้เป็นใหญ่ได้จะพูดด้วยวาจาก็คงไม่ได้หากจะใช้กำลังนางก็ยิ่งไม่มีทางจะชนะได้เลย

                      เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าทำเพราะข้ารักเจ้าคำเฉลยแห่งองค์มหาเทพทำให้นางตกตะลึงอย่างใหญ่หลวง

                      นี่หรือความรัก...นางรำพันทั้งน้ำตา ทำไมความรักที่นางเคยพบเจอบนโลกช่างดูงดงามจนนางเคยนึกอยากจะไขว่คว้าให้รู้จักแต่ครั้งนี้ความรักที่องค์มหาเทพมอบให้กลับทำให้นางปวดใจ

                  เมื่อองค์มหาเทพเห็นว่าคงไม่มีหนทางใดจะชนะใจเทพีแห่งดวงจันทร์ได้ พระองค์จึงได้นำตัวนางไปกักขังไว้ยังเขาวงกตที่มืดมิดและไร้ทางออก ทุกวันที่ผ่านไปความมืดของสถานที่นั้นก็ค่อยๆดูดกลืนแสงนวลแห่งเทพธิดาไปทีละน้อย ทว่าความทรมานที่ได้รับกลับไม่สามารถลบเลือนภาพบุรุษอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในหัวใจของนางได้

                      เจ้าจะรู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่นี่...ช่วยข้าด้วยเถิด..ดวงตะวัน...นางภาวนาหมดใจให้เทพบุตรที่นางเฝ้าคิดถึงได้รับรู้

                      ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินเสียงรำพันแสนเศร้าล่องลอยไปกับสายลม นางหวังเหลือเกินว่าดวงตะวันที่อยู่ห่างไกลคงจะได้ยินข้อความจากใจนี้ได้ในที่สุด...

                                                                      ..........................................................

                      เจ้าหายไปไหนกันแน่นะจันทราเสียงรำพันด้วยความทุกข์ใจดังขึ้นในห้วงอวกาศ เทพแห่งดวงตะวันดั้นด้นตามหานางไปทั่วทั้งเอกภพนับจากจันทราได้หายไป ในยามนั้นโลกใบน้อยแทบจะถึงกาลดับสูญเนื่องมาจากไร้ซึ่งแสงสว่าง

                      ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าก็จะตามหาเจ้าให้พบเทพบุตรให้คำมั่น พระองค์เป็นห่วงในตัวนางมากเหลือเกิน กลัวว่าเทพีแห่งจันทราจะเป็นอันตราย หากเป็นเช่นนั้นจริงมีหรือเขาจะสามารถอยู่ต่อไปได้เพราะความใกล้ชิดกันของเทพบุตรและเทพนารีทังสองได้ก่อกำเนิดสิ่งที่เรียกว่าความรักไปแล้ว

                      ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ไม่ไกลสัญชาติญาณบอกเทพแห่งดวงตะวันให้เชื่อมั่นเช่นนั้น เขาเดินทางตามหาเทพนารีตามเสียงของหัวใจในที่สุดเขาก็ได้พบนางถูกกักขังไว้ในเขาวงกตแห่งความมืดมิดนางทั้งอ่อนเพลียและตรอมใจ

                      ข้าจะช่วยเจ้าเองดวงตะวันถ่ายเทแสงสว่างของตัวเองให้แก่จันทราผู้เป็นที่รัก เพื่อให้ร่างกายของนางกลับมาเป็นปกติอีกครั้งโดยเร็ว เขาทำไปโดยไม่ห่วงตนเองสักนิดว่าจะอ่อนแรงลงเพียงใด

                      เจ้ากล้ามากนะดวงตะวันที่ขึ้นมาถึงที่นี่องค์มหาเทพกล่าวหยัน ดวงเนตรฉายชัดถึงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง...ไม่พอใจที่เขาบุกรุกเขาวงกตซึ่งเป็นอาณาเขตของพระองค์ ไม่พอใจที่เขาทำให้โลกที่พระองค์สร้างกับมือต้องพังพินาศ ไม่พอใจที่เขาได้ครอบครองหัวใจของสตรีที่พระองค์หมายปอง

                      ก็ได้ เพื่อเห็นแก่โลกข้าจะส่งเจ้าทั้งสองไปทำหน้าที่ตามเดิม แต่นับจากนี้ไปข้าขอสาปแช่งให้เจ้าทั้งสองไม่มีวันได้พบหน้ากันอีกเลยนี่คือหลักฐานแห่งความรู้สึกที่มหาเทพเรียกว่ารัก โดยพระองค์ไม่เคยหยุดคิดสักนิดเลยว่าสิ่งที่พระองค์มีมันเป็นได้แค่ความลุ่มหลง คลั่งไคล้เท่านั้น

                      และนับจากวันนั้นบนโลกใบนี้ก็ไม่เคยมีใครเห็นพระอาทิตย์และพระจันทร์บนฟากฟ้าพร้อมกันอีกเลย ทั้งดวงจันทร์และดวงตะวันต่างใช้เวลาให้ผ่านไปวันๆด้วยความหวังที่ยังมีอยู่ในหัวใจ

                      ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคำสาปนั่นจะอยู่ไปตลอดกาล สักวันเราต้องได้พบกันดวงตะวันบอกใจตัวเองให้เชื่อเช่นนั้น แม้ว่านับจากวันนั้นเขาจะไม่ได้พบหน้าจันทราอีกแล้ว

                      ข้าจะรอท่าน... รักของข้าจะมอบให้ท่านเพียงผู้เดียวดวงจันทร์ฝืนยิ้มอย่างเดียวดายในเวลาดึกสงัด ทั้งทุหข์และทรมานที่ต้องมีเพียงความมืดอยู่เป็นเพื่อนทั้งที่ในอดีตรอบกายนางมีแต่ความสดใสและสีสันงดงามที่ดวงตะวันสรรค์สร้างแต่วันเหล่านั้นจะไม่มีอีกแล้วชีวิตของนางจากนี้คงไว้เพียงความเจ็บปวดจากรักที่ไม่อาจสมหวัง แม้รู้ดีว่าดวงตะวันอยู่ไม่ไกลจากนางเลย อีกไม่นานเมื่อหมดเวลาแห่งราตรีดวงตะวันผู้เป็นที่รักของนางก็จะก้าวขึ้นสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง  อาจมีสักวันหนึ่งที่นางจะฝืนคำสาปได้ และได้อยู่เคียงข้างกับเขาบนฟากฟ้าเฉกเช่นในอดีต แต่ทุกครั้งที่แสงตะวันเริ่มสาดส่องนางก็จำต้องถูกลบเลือนไปเสมอ

                      ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ด้วย...ข้ารักท่าน...คิดถึงท่านเหลือเกินเสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินก่อนที่แสงสว่างแห่งทิวาจะลบเลือนตัวตนของนางไป เหลือเพียงแต่รอยน้ำตาของเทพนารีแห่งจันทราไว้บนพื้นโลกเป็นเครื่องแสดงให้รู้ว่าความเจ็บปวดเพราะรักนั้นทุกข์ทรมานสักเพียงใด นางขอเพียงดวงตะวันจะรับรู้ความรู้สึกของนางได้ รับรู้ว่านางยังรักเขามาก

      แต่น้ำตาของจันทราที่อยู่บนพื้นโลกไม่นานก็ถูกแสงตะวันแผดเผาให้แห้งเหือดไป เพราะดวงตะวันย่อมไม่ปรารถนาให้จันทราทุกข์ใจรอยน้ำตาของนางเขาจะกำจัดให้หมดไป  ให้นางยิ้มอย่างสดใสและไม่ต้องร้องไห้เพื่อเขาอีก แม้อยากจะปลอบนางต่อหน้า อยากใช้สองมือนี้เช็ดน้ำตาแต่เมื่อรู้ว่าไม่อาจจะทำได้อีกแล้ว ก็คงจะเหลือเพียงวิธีนี้เท่านั้นเองที่จะทำให้เทพนารีรับรู้ได้ว่าเขาก็รักนางมากและจะไม่มีวันเปลี่ยนไปเช่นกัน

                      และนี่เองจึงเป็นบทสรุปได้ว่าเหตุใดน้ำค้างมากมายจึงเกิดเฉพาะยามราตรีและเหตุใดน้ำค้างจึงแห้งเหือดไปเมื่อตะวันมาเยือน และไม่ใช่ว่าเพราะน้ำค้างจะสื่อถึงแต่เพียงรักที่ไม่สมหวังหรอกเพราะหากมองให้ดีในสิ่งร้ายๆที่แสดงให้เห็นก็มีสิ่งสวยงามซ่อนไว้ มันคือความหวังดี ความห่วงใยจากดวงตะวันที่มีไม่เสื่อมคลาย เช่นเดียวกันกับน้ำค้างยามดึกสงัดที่เกิดจากความทุกข์แห่งจันทราทำให้ผู้สัมผัสล้มป่วยแต่กลิ่นอายน้ำค้างยามรุ่งอรุณเมื่อแสงตะวันส่องกระทบกลับนำพาความสดชื่น สบายใจให้แก่ผู้สัมผัสได้มากมายไม่ใช่หรือ สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนแห่งความรักอันบริสุทธิ์ที่เชื่อมโยงใจสองดวงเข้าหากัน แม้ตาไม่อาจมองเห็น ไม่อาจสัมผัสถึงกันได้ แต่รักจะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×